Breaking News
Home / Inspiring / 10 เทคนิคก้าวข้ามความกลัว

10 เทคนิคก้าวข้ามความกลัว

faceyourfear

 

“ถ้าคุณไม่เคยกลัว, อาย หรือเจ็บปวด แสดงว่าคุณไม่เคยเสี่ยงอะไรเลย”
~Julia Soul


อ่านบทความน่าสนใจของ Jackie Vecchio (Tinybuddha.com) , Geoffrey James (inc.com) และระลึกถึงคำสอนของครูอ้อย DDnard จากห้องเรียนเข็มทิศ (compassnlp.com) เกี่ยวกับสิ่งที่ฮิตที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตคนเรา..

…ความกลัว…
ขอสาดแสงสปอร์ตไลท์ ส่องให้กับหัวข้อนี้หน่อย
เพื่อให้ความกลัวได้สว่าง และเราจะได้เห็นชัดขึ้นว่ามันหน้าตาเป็นยังไงกันแน่และเราจะจัดการกับมันยังไงได้บ้าง จะได้ไม่หลอนเบลอๆ ในชีวิตเราให้มันส่งเดชนัก ^^

เราเห็นด้วยกับนักคิดนักเขียนข้างบนค่ะว่า… ช่วงเวลาความกลัวนั้น แท้จริงคือช่วงเวลาไฮไลท์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้แตกต่างอย่างมีความหมาย
อยู่ที่การก้าวข้ามความรู้สึกนี้…
ซึ่งอาจมาพร้อมช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ….และคำบางคำในหัวเรา
ทำ….ไม่ทำ
ไป…ไม่ไป
ออก….ไม่ออก
พูด…ไม่พูด
ฯลฯ

คนส่วนมากถูกสะกัดดาวรุ่งเพราะความกลัวยับยั้งเขาเอาไว้จากการลงมือทำ
และถ้าไม่เผชิญหน้า ไม่เดินเข้าใส่ ก็เหมือนหลีกเลี่ยงเส้นทางสู่ความสำเร็จ

ช่วงเวลาแห่งความกลัวมักจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง
เราอาจรู้เต็มหัวใจเลยว่าอะไรบางอย่างจะดีขึ้น
มีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งขึ้นรออยู่
แต่มันก็อาจมีบางคำผุดขึ้นมาในหัวบ้าง…เช่น… “จะดีหรือ” …
บางคนเรียกว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งการตื่น เป็นชั่วขณะที่เราได้ยินเสียงจิตวิญญาณของตัวเองร่ำร้องให้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปล

ส่วนใหญ่ความรู้สึกเหล่านี้เกาะมาพร้อมกับความรู้สึกของความมุ่งมั่น ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นอัมพาตทันทีที่เกิดปรากฎการณ์ความรู้สึกต่อไปนี้

กลัวสิ่งที่ยังไม่รู้, กลัวการถูกตัดสิน, กลัวถูกปฏิเสธ, กลัวการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง, กลัวเจ้านาย, กลัวลูกน้อง, กลัวจะต้องเสียใจมากถ้าภาพไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น, กลัวจะรับตัวเองไม่ได้ รับกับความรู้สึกไม่ได้ ถ้าผิดพลาดไป

ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา
เหมือนเราก็ปวดห้องน้ำได้ ง่วงนอนเป็น

และไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นหยุดเราเอาไว้
หรือหลอกเรา ให้หลงติดกับภาพน่ากลัวที่เราจินตนาการสร้างมันขึ้นมาเอง เป็นมายา ไม่ใช่ความจริง สร้างเอง กลัวเอง เรากำลังหายใจอยู่ และกำลังอ่านมาถึงตรงนี้ ความจริง ณ เวลานี้ มีเท่านั้น

ต่อไปนี้คือ ไอเดียในการก้าวข้ามความกลัว ที่พวกเราจะสามารถร่วมกันกระโดดด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นไปสู่ตัวตนที่ดีที่สุดของเราได้!


<1> อยู่กับปัจจุบัน


จนกว่าเราจะยอมรับตัวเองในขณะนี้ได้อย่างสมบุรณ์ เราอาจจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น นี่คือเวลาในการอยู่กับตัวเอง กับความจริง ณ เวลานี้ อนุญาตให้เรารู้สึกอะไรก็ตามที่เราเป็นจริงๆ ตอนนี้ ส่วนใหญ่เราจะชะงักบ่อยครั้งเพราะเราหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้น แค่รับรู้ถึงมัน อย่างที่มันเป็น โปรดจำไว้ว่า ไม่ผิดแปลกอะไรที่จะรู้สึกอย่างที่กำลังรู้สึกอยู่นี้ เมื่อเพียงแต่รับรู้ เราก็สามารถตัดสินใจได้ว่า จะดึงมันขึ้นมา หรือปล่อยมันไป ซึ่งจะเพิ่มระดับการรับรู้ในตัวเองที่ชัดเจนขึ้น


<2> เผชิญหน้ากับความกลัว

 

คำถามแรกที่ต้องถามคือ “สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นคืออะไร? ให้ชัดๆ ให้ลงรายละเอียดให้มากที่สุด พอทำแบบนี้แล้ว เราก็จะได้รู้กันไปซะทีว่า เรากำลังหนี หรือกลัวอะไรกันแน่
หลายครั้งทีเดียว ที่พอค้นลึกเข้าไปจริงๆ จะอุทานกับตัวเองว่า เรากลัวเบื๊อกอะไรอยู่กันนี่ ไม่มีอะไรเลย

ความกลัวนั้นเป็นเพื่อนของเรา บางครั้งมันแสดงออกเหมือนจะบอกว่าเราไม่ต้องทำอะไร แต่หลายครั้ง มันแสดงออกเป๊ะๆ เลยว่า คุณต้องทำสิ่งนี้แหล่ะ ความกลัวจะฝ่อลงเมื่อคุณเผชิญหน้ากับมัน อีกวิธีที่จะชี้วัด ว่าควรทำหรือไม่ คือ มันผิดกฎหมาย, ผิดศีลรึเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วมันผิดอะไรไหม ถ้าไม่ผิด ก็แล้วทำไมไม่ทำ tongue emoticon (โดน)


<3> ไม่มีวันล้มเหลว หากไม่ล้มเลิก


กลัวผิดพลาดหรือ? กลัวล้มเหลว?
หากจะล้ม ก็โปรดจงเห็นคุณค่าของการล้มชั่วคราวครั้งนี้ เด็กๆ เรียนรู้ที่จะเดิน ก็ล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง แต่ไม่เห็นเด็กจะท้อ เขายังคงฝึกเดินล้มกลิ้งไปมา จนเดินได้ แม้จะร้องไห้ ถลอก ปอกเปิกก่อนจะเดินได้ แต่ทั้งหมดนั้นเขาล้วนต้องผ่าน เพราะมันเปํนขั้นตอนการเรียนรู้ให้ทำได้อย่างดี ไม่เห็นมีเด็กคนไหน ฝึกเดิน ล้มไปล้มมา เลิกเดิน…มันคือการเรียนรู้ ไม่มีอะไรล้มเหลว ตราบเท่าที่พยายามต่อไป

หากกลัวการผิดพลาด นักประดิษฐ์ชื่อ Roger Von Oech บอกถึงคุณประโยชน์ของการผิดพลาดว่าเป็นเหมือนโชค 2 ชั้น หนึ่ง ถ้าคุณล้ม คุณจะได้รู้ว่าอะไรไม่เวิร์ค 2. การล้ม ให้โอกาสคุณในการลองวิถีใหม


<4> เจ็บแล้วจำได้ แต่ไม่ผูกใจเจ็บ


ในความสัมพันธ์ เราอาจเคยมีบาดแผลจากใครบางคนในอดีต สิ่งนี้จะส่งผลต่อวิถีการตอบโต้ของเราเมื่อเจอสถานการณ์คล้ายเดิมอีก …บางครั้งการเอาชนะความกลัวไม่ใช่การพยายามวิธีใหม่ไม่ให้ล้ม แต่เป็นการค้นหารากแห่งความกลัวที่มีอยู่ แล้วจัดการกับสิ่งนั้น (ซึ่งครูอ้อยสอนบ่อยมาก)…ปกติแล้วเมื่อใดที่เราเจ็บปวดจากใครบางคน (รวมทั้งตัวของเราเอง) มันต้องใช้การให้อภัยเป็นขั้นตอนแรก ปราศจากขั้นตอนนี้ เราก็มีแนวโน้มที่จะผิดพลาดซ้ำใหม่ เพราะเรามีความมั่นใจน้อยลงว่าจะสำเร็จ แต่ที่จริงแล้ว ควรต้องตระหนักว่า เราฉลาดขึ้น และจะสำเร็จมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวต่างหาก

จงให้ความรักและเมตตาต่อตนเอง และต่อรากแห่งความกลัวที่มีอยู่
ด้วยความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ทลายความกลัว…ความรักแบบนั้นคืออะไร มันคือความสามารถในการเชื่ออย่างสมบูรณ์ มันจะเกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แม้แต่ความผิดพลาด ก็เป็นแผนการณ์ของจักรวาลที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต


<5> สร้างภาพดีๆ ในอนาคต


อันนี้ดีมากๆ เลย
เมื่อไรที่เกิดอารมณ์ต่างๆ รวมถึงความกลัวด้วยนี้ สมองคนโดยทั่วไปจะแยกแยะสิ่งที่จินตนาการกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกไม่ค่อยจะได้ ถ้าเราซ้อมบางอย่างในใจอยู่เรื่อยๆ เช่น หากกลัวเวที สามารถจินตนาการเห็นตัวเองสงบ มั่นใจ เป๊ะ พฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นจริงของเราก็จะเลียนแบบสิ่งที่เราจินตนาการ อยากเป็นแบบไหน ซ้อมเป็นตัวเองเป็นแบบนั้นไว้ล่วงหน้า แล้วซ้อมคิดไว้ให้บ่อยๆ
แทนที่ภาพเลวร้ายที่เราคิดในหัว ที่ทำให้เรากลัว ด้วยการสร้างภาพอนาคตของตัวเองให้เริศๆ ให้ฟินๆ ให้ชัดให้สุดๆ สุดขีด ชัดเจนแจ่มแจ้ง ชัดอีกค่ะชัดอีก เราล้วนรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ดีกว่า ที่ยอดเยี่ยม แล้วมันหน้าตาเป็นยังไงล่ะ
สร้างภาพในอนาคตให้ชัด ชนิดอธิบายได้แล้วคนฟังเอาไปสร้างเป็นหนังได้เลย หรือเอาไปวาดเป็นภาพได้เลย

ให้ความสนใจกับภาพอนาคตนี้ทุกวัน หรือกระทั่งสร้างกระดานอนาคต หรือบ้างเรียก บอร์ดแห่งความฝัน (Dream board) โฟกัสที่บอร์ดนี้ทุกวัน อนุญาตให้เราน้อมนำความคิดและการกระทำไปสู่ภาพวิสัยทัศน์นี้ ใส่ความใส่ใจสักกะละมังใหญ่ลงไปในภาพอนาคตที่สวยงามนี้ เอาให้เรายิ้มแป้นออกมา ณ บัดนาวเลย

บางคนอาจเลือกสร้างภาพอนาคตหลังทำสมาธิ หรือเปิดเพลงชิลล์ เพื่อให้ความคิดของของเราตกตะกอน และสร้างเหตุปัจจัยให้ปัญญาหยั่งรู้ได้ออกโรงมาช่วยสนับสนุนได้


<6> มรณานุสติ


ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ หรือในอีกหนึ่งชั่วโมงนี้ เราตายล่ะ สิ่งที่เรากำลังจะทำนี้ เราจะทำมันอย่างไร พอคิดได้อย่างนี้ เรื่องที่ไม่จำเป็น เรื่องฟุ้งซ่านก็หมดอิทธิพลลงไปซะอย่างงั้น เหลือเพียงสิ่งสำคัญ และช่วงเวลาขณะนี้เท่านั้น และเราจะลงมือทำหลายอย่างด้วยจิตที่ปล่อยวาง และทำเต็มที่ ที่กลัวๆ สลายหายไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์


<7> เพิ่มความคุ้นเคย


ยิ่งเราคุ้นกับสิ่งที่กลัวมากเท่าไร ก็ยิ่งก้าวข้ามความกลัวได้ง่ายเท่านั้น เช่น กลัวเวที, กลัวการขาย, กลัวอะไร ทำลงไปเลย แล้วความกลัวนั้นจะสลายหายตัวไปเอง ยิ่งทำบ่อย ยิ่งกลัวน้อยลง แปลกแต่จริง


<8> ให้เป้าหมาย ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง


หากกลัวจะลงมือทำอะไรสักสิ่
ลองดูว่า เหตุผลใดที่เราควรจะทำมัน
และมองเหตุผลนั้น ให้ไปไกลกว่าตัวเอง

เมื่อใดที่เรามีเป้าหมายที่ไปไกลกว่าตัวเอง ทุกๆ ทางเลือกที่ตัดสินใจ
จะทำ…หรือไม่ทำ….
จะไม่ใช่เฉพาะเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อทุกคน เรียกได้ว่าเป็นล้านๆ คน ทุกสิ่งรอบตัว แต่ละขั้นตอนที่ไปข้างหน้าจะง่ายขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อยเมื่อเราคิดถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง


<9> สร้างความหมายใหม่ให้ความกลัว


– สร้างการเปรียบเทียบในใจที่ทำให้ความกลัวเล็กเท่าผงฝุ่นไปเลย เช่น มีผู้คนเป็นล้านในโลกนี้ที่กังวลว่าวันนี้เขาจะกินอะไรดี คืนนี้จะนอนที่ไหน ระเบิดจะลงใกล้ๆ ไหม ฯลฯ ด้วยมุมมองแบบนี้ แล้วเรามัวแต่กลัวอะไรอยู่? ถามจริงเถอะ (เออว่ะ)
-เชื่อมโยงแนวใหม่กับความกลัว
เคยไปสวนสนุกไหม ถ้าเคย เราอาจต้องจ่ายเงินจำนวนมากทีเดียว เพื่อจะได้ความตื่นเต้นระดับห้าดาว ความเสี่ยงในการทำธุรกิจ หรืออะไรสักอย่างที่เราไม่แน่ใจนั้น ช่างคล้ายกับการขึ้นรถไฟเหาะเสียนี่กระไร จริงๆ ความกลัวที่ว่าก็ไม่ใช่ความกลัวซะทีเดียวไหม จริงๆ มันคือความตื่นเต้น! อยากขึ้นรถไฟเหาะใช่ไหม…ออกไปทำสิ่งดีๆ ที่กลัวแทนสิ อิอิ


<10> ใช้ประโยชน์จากความกลัว


เมื่อมองความกลัวในมุมที่ถูกต้องแล้ว จริงๆ มันเป็นสัญญาณบ่งบอกเลยว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าเรากลัวที่จะทำธุรกิจล่ะก็ จิตใต้สำนึกอาจกำลังบอกว่านี่ใกล้จะถึงจุดที่ควรทำธุรกิจแล้ว และมันจริงที่สุด กับประโยคที่ว่า “รู้สึกถึงความกลัว แล้วทำมันลงไปเลย” แล้วมันจะอันตรธานให้เห็นกับตา

:::::::::::::::::::::::::::::::


เทคนิคพิเศษ


เทคนิคข้างต้นใช้ได้ดีที่สุดเมื่อใช้ผสมผสานกัน เช่น ฉันสังเกตว่าฉันจะยั้งตัวเองไว้เพราะความกลัว ฉันจะบอกกับตัวเองว่า เป้าหมายมันยิ่งใหญ่เกินคุ้มที่จะฝ่ามันไป สัญญาณความกลัวคือสัญญาณว่านี่ล่ะคือเป้าหมายที่ฉันต้องการ และต้องเผชิญหน้า ก้าวทะลวงไป ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันได้โอกาสในการเข้าถึงเป้าหมาย ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวไปหมดทุกอย่าง จำได้ว่าฉันเคยก้าวข้ามความกลัวแบบนี้มาก่อน
ฉันมองเห็นตัวเองก้าวข้ามผ่านพ้นความกลัวไปสู่ความกล้าอย่างเลิศเลอ เจ๋งและรู้สึกดีกับตัวเองมากๆ แล้วฉันก็ฟินกับทุกเทคนิคข้างต้นอย่างน้อย 5 ครั้ง จินตนาการผลลัพธ์สำเร็จที่แสนจะฟิน สุดท้ายฉันก็ใช้แรงเหวี่ยงจากพลังที่เกิดจากพลังจินตนาการข้างต้นพาฉันไปข้างหน้า
ความกลัวนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันจะอ่อนแรง กระจอกลงทันตา และไม่สามารถฉุดรั้งเราไว้ได้

มาร่วมกระโดดข้ามความกลัว ฝ่าทะลวงภาพมายานี้ไปด้วยกันคะ?
ลุย~!

#PintoLC

ขอบคุณ Jackie Vecchio (Tinybuddha.com) , Geoffrey James (inc.com) , ความรู้จากห้องเรียนเข็มทิศโดยครูอ้อย DDnard (www.compassnlp.com); pix: yimy.com และขอบคุณความกลัว ที่เป็นสัญญาณให้ลงมือทำ

#กลัว #กล้า #แรงบันดาลใจ #ข้อคิด #ฟิน

โพสท์ครั้งแรกที่ https://www.facebook.com/pintopianolifecoach/photos/pb.156893281052442.-2207520000.1429198976./693815267360238/?type=3&src=https%3A%2F%2Ffbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net%2Fhphotos-ak-xpf1%2Fv%2Ft1.0-9%2F10569063_693815267360238_6576666648469376240_n.jpg%3Foh%3De420cf88905a268e32e6026003fcc831%26oe%3D55A86E8C%26__gda__%3D1436152806_30d97363c188e8e7b66fab04ebc835b3&size=582%2C310&fbid=693815267360238

Please follow and like us:
0

About pintooh

งานประจำ คือ เรียนรู้ และแบ่งปัน
> งานพิเศษ คือ ท้าทายตัวเอง
> งานอดิเรก ผูกพันกับดนตรี เกาหลี และแรงบันดาลใจทั้งปวงในโลกหล้า
::: Now I am practicing Storytelling + Vipassana + Life designing + Innovating :::

Check Also

บันทึกความทรงจำ เกี่ยวกับใครคนนั้น ที่เคยรักเมื่อ 20 ปีก่อน จนกระทั่ง..

  ในช่วงสุ …

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *