เพื่อคลี่ศักยภาพสูงสุดของเราให้สำแดงเดชออกมา
ควรแบ่งเวลาเพื่อจินตนาการ, สร้างฝัน, ดีไซน์ และลงมาสร้างอนาคตที่เราฝันใฝ่ให้เป็นจริง
อ่านเจอใน lifehack แล้วขอเสริมด้วยความรู้ ความเข้าใจจากห้องเรียนเข็มทิศ โดยคุณครูอ้อย ออกมาเป็น 7 ส่วนผสม สร้างพลังให้การทำงาน เราลองแบ่งเวลามาทำสิ่งเหล่านี้ด้วยกันดูคะ
1. ถามคำถาม
1.1. คุณอยู่ที่ไหนวันนี้
1.2. คุณต้องการไปอยู่ตรงจุดไหนในอนาคต สำหรับชีวิตนี้
1.3. สิ่งกีดขวางที่อยู่บนเส้นทางของคุณคืออะไรกันแน่
1.4. ทำไมคุณถึงต้องการไปอยู่ที่จุดนั้นในอนาคต
2. คิดภาพอนาคตไว้ในหัว
เลือกออกจากความวุ่นวาย ยุ่งเหยิงของงานรายวัน สร้างตารางการใช้เวลาของคุณ เพื่อถางทางสู่อนาคตของคุณ เขียนภาพที่ชัดเจนว่าคุณคือใครในอีก 5 ปีข้างหน้า มีโปรเจคใหม่ๆ อะไรเกิดขึ้นบ้าง หลับตา แล้วมองภาพอนาคตของคุณในหัว คุณเห็นอะไร คุณเห็นมันชัดแค่ไหน คุณเห็นภาพอนาคตของตัวเองไหม หน้าตามันเป็นยังไง
3. เลือกคิดสิ่งที่จะทำให้คุณมีความสุข
เมื่อคุณคิดถึงงาน คุณมีความสุขไหม คุณกำลังค้นหาความหมายและคุณค่าในงานที่คุณทำอยู่ไหม ชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าที่จะใช้เวลาและใส่ความสนใจไปยังความคิดลบ
เอิร์นเนสท์ ไนติงเกลพูดว่า “คุณเป็นในสิ่งที่คุณใช้เวลาคิดถึงมันมากที่สุด”
ไม่ว่าโปรเจคปัจจุบันคุณทำงานอะไร คุณเลือกที่จะมีความสุขได้ เลือกตีความว่ามันจะนำส่งเราไปมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมขึ้นอย่างไร คุณเป็นเพียงคนเดียวที่มีความสามารถในการคิดว่าคุณจะคิดอะไรได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกคิดให้มีความสุข หรือไม่ก็ได้ ถ้าความหมกมุ่นครุ่นคิดของคุณในตอนนี้ไม่ใช่ความคิดที่ทำให้คุณมีสุข ทำไมไม่ทิ้งความคิดนั้นไปแล้วคิดใหม่ดูล่ะ
คุณเก็บสต็อคภาพที่ทำให้คุณยิ้มได้ ภาพที่ทำให้คุณฟิน ภาพที่ทำให้คุณหัวเราะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กี่ภาพ ของเรามีอย่างน้อย 10 ภาพเลยนะ
ส่วนสิ่งที่เราเผลอไปรู้สึกไม่มีสุข…สิ่งนั้น เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาคุณสมบัติที่ดีในตัวเราขึ้นมาอย่างไร ลองมองในมุมนี้ดูว่า โลกต้อนรับเรา เขาส่งสิ่งนี้มาเพื่อให้เราเป็นเราที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไร
คนที่มีความสุขนั้น สร้างผลงานได้ดีและมากกว่าคนที่ไม่มีความสุขนะ และดีอย่างยั่งยืนในระยะยาวด้วย
4. กล้าหาญ ชัดเจน ออกมาจากกรอบแห่งตรรกะสู่โลกใหม่ แหกกฎให้สร้างสรรค์
• จงใหม่
• จงต่าง
• จงต่างให้มากๆ
• จงเห็นภาพ
• หลับตาก็ยังเห็นภาพ
• จงจินตนาการ
• จงฟัง
• จงดู
• จงได้ยิน
• จงโอบกอดอารมณ์
• จง คิดไปข้างหน้า
• จงเล่าเรื่อง
• จงเห็นภาพใหญ่
• จงถาม…ถ้าหากว่า…มันเป็นแบบนี้ล่ะ…จะเกิดอะไรขึ้น
• คุณจะเปลี่ยนอะไรถ้าหากคุณเลือกจะแหกกฎ…
5. ส่วนที่ใช้คิด…ไม่ได้มีแต่ที่ศรีษะเท่านั้น
บางคน…บางคราว…อาบน้ำอยู่ก็คิดงานออก
เดินอยู่…ก็ปิ๊งไอเดีย
เวลาเราคิดงาน ไม่จำเป็นว่าต้องนั่งนิ่งๆ แล้วคิดเท่านั้น
จิตใต้สำนึก…ซึ่งเป็นตัวที่ขับเคลื่อนชีวิตเรากว่า 95% ดูแลกระบวนการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะกลไกอัตโนมัติในร่างกายทั้งหมด ไม่ว่าจะกระพริบตา, ย่อยอาหาร, หัวใจเต้น
บางที อาจลองไปเดิน ไปเต้น ขยับร่างกาย ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ไอเดียมักผุดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งที่ช่วยเราคิดนั้น…ไม่ได้มีเฉพาะท่านั่งคิดเฉยๆ
6. ยอมรับความเสี่ยง โอบรับความผิดพลาด
ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่เหมือนเดิม ผลงานของชีวิตก็จะอยู่เหมือนเดิม ในการจุดไฟให้การทำงาน คุณต้องเต็มใจทดลองสิ่งใหม่ ทำลายโมเดลเก่าๆ ยอมรับความเสี่ยง ให้กำลังใจกับความผิดพลาด นวัตกรรมมาพร้อมการพัฒนาคุณสมบัติดีงาม เช่น ความอดทน, ความพยายาม, กำลังใจที่จะพยายามไม่ใช่แค่อีกครั้ง แต่เป็นพันครั้ง และคุณก็ยังคงเชื่อมั่นแล้วเดินหน้าต่อไปเสมอ
7. เรียนรู้จากนักคิดกลยุทธ์ที่เปลี่ยนโลก
โทมัส เอ็ดดิสัน, อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์, เฮเลน เคลเลอร์, ลีโอนาโด ดาวินชี่, สตีฟ จ็อบส์ คนเหล่านี้มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน พวกเขามีสัญชาตญาณที่มีพลัง และเขาเต็มใจเดินตาม
เขามีความอดทน
เขาเลือกชีวิตที่มีการเรียนรู้และก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
และเขาแต่ละคนมีความเต็มใจที่จะล้มเพื่อเรียนรู้แล้วลุกขึ้นใหม่เสมอ
พวกเขาไม่แค่มองไปข้างหน้า เขามองเข้าไปข้างในตัวเองด้วย
มันน่าทึ่ง ที่บรรดาผู้นำที่สำเร็จระดับโลก มีอะไรคล้ายกันเยอะมาก
แนะนำหนังสือเล่มหนึ่ง…ชื่อ “100 สุดยอดผู้นำธุรกิจระดับโลก”https://nstore.net/store/index.html#!/details/BOOKS/2/11922 รู้จักแต่ละผู้นำ โดยใช้เวลาอ่านสั้นๆ แล้วมาทึ่ง ว่าเขามีความเหมือนที่ไม่บังเอิญอย่างชัดเจน
และเมื่อเราฝึกฝนวิธีเหล่านี้กัน คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้น ก็จะเจริญงอกงามเติบโตในตัวเรา ^^
เสิร์ฟแบ่งปัน และฝึกฝนสุดใจ
#PintoLC