Pintooh Inspiring Innovating Storytelling
อ่านบทความนี้จาก fastcompany.com
รู้สึกว่าน่าสนใจ เหมาะแก่การจุดประกายการเริ่มต้นนิสัยใหม่ๆ สำหรับปีใหม่นี้
มาสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จดีกว่า
……………………………………………………………………………………..
พวกผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะมองสิ่งต่างๆ ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมจัดการของเขา และรับกับความคลุมเครือของสถานการณ์ต่างๆ ได้มากกว่าคนทั่วไป
ผู้ประกอบการนั้น ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่มีบางคนที่สำเร็จ
ไม่มีทฤษฏีใดอธิบายว่าเพราะอะไร
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า เป็นเพราะจิตใจที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม เราสามารถจัดหมวดนิสัยของเหล่าผู้ประกอบการที่สำเร็จได้ว่า เขาเพาะปลูกนิสัยอะไรบางอย่าง ที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง
1) จุดควบคุมชีวิตมาจากภายใน
ผู้คนมากมาย ยอมให้สิ่งต่างๆ ภายนอกมามีอิทธิพบต่อชีวิตของเขา ใช้ชีวิตด้วยการถูกขับเคลื่อนจากสถานการณ์ภายนอก ซึ่งเหนือการควบคุมของเขา แต่คำถามที่แท้จริงก็คือ เราให้น้ำหนักกับสิ่งนี้ เทียบกับปัจจัยที่เราควบคุมได้จากภายในตัวเรามากน้อยแค่ไหน นักวิจัยพบว่า คนที่มีขับเคลื่อนชีวิตจากการควบคุมภายใน มีความสำเร็จทางการเงินสูงกว่า มีสุขภาพที่ดีกว่า และมีความสุข รวมทั้งกินดีอยู่ดีมากกว่า
เมื่อไรที่ระดับการควบคุมชีวิตขึ้นกับสิ่งต่างๆ ภายนอก ความสนใจของคุณจะขึ้นอยู่กับคู่แข่ง, เศรษฐกิจ, ความไม่ยุติธรรมนานาในชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณทำอะไรกับมันไม่ได้ ซึ่งนิสัยนี้จะทำให้คุณกลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์ต่างๆ
ในทางกลับกัน ผู้ประกอบการที่ทรหด จะมีจุดควบคุมอยู่ภายใน ซึ่งหมายความว่า เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบผลลัพธ์ในชีวิตของเขาเอง พวกเขาเท่านั้น ไม่ใช่ใครหน้าไหน ที่เป็นคนควบคุมชีวิตของเขา
เมื่อจุดควบคุมหลักของชีวิตมาจากภายใน คุณก็จะมีแนวโน้มที่จะมองเห็นอุปสรรคเป็นความท้าทายให้ก้าวข้าม คุณมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าคุณมีคู่มือที่มีประสิทธิภาพในการหากลยุทธ์การมีอิทธิพลต่อสถานการณ์ของตนเองและคนอื่น คุณรับผิดชอบต่อทุกสิ่งในชีวิตอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าสิ่งที่ดี, ไม่ดี, น่าเกลียด คุณจะมองความผิดพลาดเป็นผลตอบรับของการกระทำของคุณ คุณไม่ได้แข่งกับใคร คุณหยุดเสียงหนวกหูภายนอกเพื่อโฟกัสในการสร้างบางอย่างขึ้นด้วยตนเอง
2) มีความอดทนต่อความไม่ชัดเจนสูง
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว จะรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับอะไรที่ไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน พวกเขาต้องการกฎที่ชัดเจน ความคาดหวังที่ชัดเจนและต้องการรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ควรต้องทำอย่างไรต่อไป ไม่เช่นนั้น พวกเขามักจะตะกุกตะกัก ไปไม่เป็น
นักวิจัยพบว่า เด็กๆ มีความทนต่อความไม่ชัดเจนสูงกว่าพวกผู้ใหญ่ พวกเขาเต็มใจที่จะยอมรับเงื่อนไขที่ไม่ชัดเจน สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะชนะหรือแพ้ พวกคนที่โตแล้ว กลับกลายเป็นพวกไม่กล้าเสี่ยง
ผู้ประกอบการที่สำเร็จ จะเป็นเหมือนกับพวกเด็กๆ ทำให้กล้ารับความเสี่ยงภายใต้ข้อมูลที่จำกัด จริงๆ แล้วการเริ่มต้นธุรกิจก็คือการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยังไม่รู้ตอนต่อไปในอนาคตนั่นเอง
การมีความอดทนต่อความคลุมเครือเช่นนี้ ทำให้คุณไม่ตระหนก หรือวิตกมากไป เมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน คุณจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้จากมุมมองที่หลากหลาย และยืนบนขาของตัวเองได้เร็ว ความไม่คุ้นเคยเป็นแค่โอกาสที่จะได้ปรับตัว
3) พวกเขาใช้ความกลัวและความกังวลเป็นเชื้อเพลิง
เมื่อไรที่รู้สึกวิตก คนส่วนใหญ่จะพยายามสงบใจลง ซึ่งพอไม่สามารถควบคุมจิตใจตนได้ ก็จะยิ่งกังวล ยิ่งกลัวไปกันใหญ่ ดังนั้น อาจใช้วิธีตีความความวิตกใหม่ เป็นความตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาผลงานได้อย่างมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกนักกีฬามืออาชีพและผู้ประกอบการที่สำเร็จ ให้นิยามความวิตกกังวลว่าเป็นการ ปั๊มการทำงานให้ก้าวกระโดด ให้เป็นผลดี
4) พวกเขาพุ่งความสนใจไปที่เหตุ … ไม่ใช่ผล
คนส่วนใหญ่รับมือกับทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จได้ไม่ค่อยดี
พวกเขามักจะมีพฤติกรรมเป็นรถไฟเหาะ ขึ้นๆ ลงๆ ตามสถานการณ์ต่างๆ เวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่ไปได้ด้วยดี พวกเขาก็จิตตก เวลาอะไรๆ ไปได้ดี พวกเขาก็มั่นใจเว่อร์เกิน แล้วก็ขี้เกียจ
ที่จริงแล้ว ความสำเร็จอาจเป็นตัวแทนของความลำบากที่ยากยิ่งขึ้นกว่าความล้มเหลว
อับราฮัม ลินคอร์นกล่าวว่า “คนส่วนใหญ่สามารถทนอุปสรรคได้ แต่ถ้าอยากจะทดสอบใครล่ะก็ จงมอบอำนาจให้เขาสิ”
เมื่อไรที่เราสำเร็จ เรามักจะโฟกัสที่เหตุของความสำเร็จ เชื่อว่าเราทำถูกต้องแล้วเพื่อให้รู้สึกมั่นใจในตัวเรา
ความสนใจเราพุ่งเปลี่ยนไปยังผลของความสำเร็จ
เสียงชื่นชม โอกาสและรางวัลต่างๆ ดึงเราให้ออกไปจากงาน ซึ่งสามารถทำร้ายผลงานในอนาคตได้
นักประกอบการที่สำเร็จจะมีจิตใจที่ต้านทานต่อสถานการณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้ พฤติกรรมของพวกเขาจะมั่นคงอย่างยิ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นความสำเร็จหรือพ่ายแพ้
พวกเขารู้ว่า ความมั่นใจที่เขารู้สึก และความสำเร็จใดใดที่เขาสร้าง เป็นผลผลิตของแรงขับเคลื่อนที่มั่นคงจากภายในเพื่อพัฒนาผลงานของตน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างไร พวกเขาจะยังคงพุ่งความสนใจไปที่พฤติกรรมของตนเอง ซึ่งเป็นรากของผลลัพธ์นานา ไม่ว่าจะดี ไม่ดี หรือเฉยๆ ก็ตาม
ที่จริงแล้ว การประเมินความสามารถของคุณ แสดงผ่านผลงานชั้นเลิศของคุณ มากกว่าความคาดหวังเกี่ยวกับผลลัพธ์นั้นๆ
ผู้ประกอบการที่สำเร็จอย่างสูง เห็นตัวเองเป็นทรัพยากรเลอค่าของประสบการณ์ทั้งส่วนตัวและทางวิชาชีพ ที่มีทั้งแพ้และชนะ และนั่นทำให้เขาเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับเคลื่อนชีวิต โดยไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหน หรือสถานการณ์ใดๆ ไปนั่งตำแหน่งนั้นแทนที่เขา
Adapted from fastcompany.com
Pix: examinedexistence.com/
